ตอนที่ 2: ช่วง 1,000 วันแรก = สมองกำหนดอนาคต
ทำอย่างไรให้ลูกฉลาด?
แม่: ลูกจะฉลาดไหม? จะเรียนรู้เร็ว พูดเก่ง หรือมีสมาธิได้หรือเปล่า?
หมอ: คำตอบของทุกคำถามนี้…เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนลูกจะพูดคำแรกเสียอีก เพราะช่วงเวลาเพียง 1,000 วันแรกของชีวิต คือ “หน้าต่างแห่งโอกาส” ที่สมองลูกจะเติบโตได้เร็วที่สุด[1] และอาจจะมากที่สุดในชีวิต
1,000 วันแรกคืออะไร?
หมอ: ช่วงเวลานี้นับตั้งแต่ตั้งครรภ์ 270 วัน จนถึงวัยเด็กเล็ก 730 วัน (0–2 ขวบ) ซึ่งสมองของลูกจะโตขึ้นถึง 80% ของขนาดสมองผู้ใหญ่[2] มีการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทนับล้านล้านจุด[3] และสารอาหารสำคัญคือเชื้อเพลิงหลักในการก่อสร้างสมอง
สารอาหารสำคัญคืออะไรบ้างคะ?
หมอ: คำตอบคือ DHA และ Sphingomyelin (สารอาหารคู่ขวัญแห่งการพัฒนาสมอง)
- DHA (ไขมันดีสำหรับสมอง):
เป็นกรดไขมันโอเมก้า3 ที่สำคัญที่สุดในสมอง[4]ในการช่วยสร้างเยื่อหุ้มเซลล์สมอง เด็กที่ได้รับ DHA เพียงพอ มีแนวโน้มที่จะมีพัฒนาการด้านความจำและภาษาที่ดีกว่ากลุ่มเด็กที่ขาด[5]
- Sphingomyelin (ฉนวนเซลล์ประสาท):
เป็นไขมันชนิดพิเศษที่ใช้สร้าง เยื่อไมอีลิน (Myelin) ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ประสาทส่งสัญญาณได้เร็วและแม่นยำ เปรียบได้กับ “ฉนวนสายไฟ” ถ้าหุ้มดี สัญญาณจะไม่รั่วและไม่ช้า งานวิจัยพบว่า ระดับ Sphingomyelin ที่ดีในวัยเด็กเล็กมีความสัมพันธ์กับพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น[6]
ถ้าพลาดช่วง 1,000 วันแรกไปจะเป็นอย่างไรคะ?
หมอ: โครงสร้างสมองที่สร้างในช่วง 1,000 วันแรก เปรียบเสมือน “ฐานราก” ของตึกทั้งชีวิต ถ้าฐานแน่น สมองก็พร้อมเรียนรู้ทุกอย่าง แต่ถ้าฐานไม่เต็ม อาจทำให้ศักยภาพลูกถูกจำกัดตั้งแต่ยังเล็กครับ
หมอขอสรุป:
สมองลูกโตเร็วที่สุดในช่วง 1,000 วันแรก และโอกาสในการเติมเต็มศักยภาพนี้…ไม่มีทางย้อนกลับได้ ดังนั้นพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกพูดเก่งก่อนจึงจะเริ่มดูแลสมองของลูก เพราะการสร้างสมองลูก…ควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
คำแนะนำจากหมอ:
1,000 วันแรก เป็นโอกาสเดียวในชีวิตลูก ที่จะวางรากฐานสมองได้แน่นที่สุด
- ช่วงอายุ 1 ขวบขึ้นไป: เพิ่ม DHA และ Sphingomyelin ผ่านอาหารและนมเสริมสารอาหาร
- เล่น พูด และอ่านนิทานทุกวัน เพื่อใช้ประโยชน์จาก “สายไฟสมอง” ที่กำลังเชื่อมกันอยู่
- เลือกโภชนาการที่เน้นการสร้างรากฐานระยะยาวมากกว่าแค่ความอิ่มในวันนี้
คุณแม่สามารถเลือกให้ลูกดื่มนม UHT เสริมสารอาหารที่มี DHA และ Sphingomyelin เพื่อส่งเสริมฐานรากของสมองให้ลูกในช่วงเวลาทอง ซึ่งจะพัฒนาได้ทั้ง “โครงสร้าง” และ “การส่งสัญญาณ” ตั้งแต่ข้างใน
นายแพทย์ วรวิทย์
กันทะมาลี
กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ
โรงพยาบาลพญาไท 3
นายแพทย์ วรวิทย์
กันทะมาลี
กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ
โรงพยาบาลพญาไท 3
Written by:
นายแพทย์ วรวิทย์
กันทะมาลี
กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ
โรงพยาบาลพญาไท 3
ข้อมูลอ้างอิง:
1. UNICEF. (n.d.). The first 1,000 days of life: The brain’s window of opportunity. Retrieved August 26, 2025, from https://www.unicef.org/early-childhood-development/1000-days-life
2. Knickmeyer, R. C., Gouttard, S., Kang, C., Evans, D., Wilber, K., Smith, J. K., Hpon, C., Hamer, R. M., Lin, W., Gerig, G., & Gilmore, J. H. (2008). A structural MRI study of human brain development from birth to 2 years. The Journal of Neuroscience, 28(47), 12176–12182.
3. Center on the Developing Child, Harvard University. Brain Architecture.
4. Guesnet, P., & Alessandri, J. M. (2011). Docosahexaenoic acid (DHA) and the developing central nervous system (CNS) – Implications for dietary recommendations. *Biochimie*, *93*(1), 7–12. https://doi.org/10.1016/j.biochi.2010.05.005
5. Ryan, A.S., et al. The role of docosahexaenoic acid in neuronal function. The American Journal of Clinical Nutrition (2013)
6. Schneider N, et al. Sphingomyelin and neurodevelopmental outcomes in early life. Advances in Nutrition (2021)

