After the baby opened her eyes, I believe that every mother will be watching her development every day with excitement. It's about your brain and physical development, which is during your young childhood, Early childhood is when your brain develops very quickly. Mothers can also notice rapid physical behaviors that develop quickly, and this development has a limited time. After all this time, The brain is trimmed to preserve the active part, and the inactive part breaks down. The brains of children in their first 6 years of age grow by 90%, and in the body part of their young childhood, they continue to build a solid foundation in their baby's learning age.
พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กตามช่วงวัยของลูกน้อย
ในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย จะมีพัฒนาการเจริญเติบโตและพฤติกรรมด้านต่างๆ ตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสนใจ และกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยอยู่เสมอ ดังนี้ค่ะ
วัย 1 ปี
ระยะนี้เป็นช่วงเวลาที่กำลังน่ารักและซนของลูกเนื่องจากสมองจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% ของผู้ใหญ่ เซลล์ต่างๆ มีการขยายอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของวัยทองแห่งการเรียนรู้ นั่นคือพัฒนาการของเครือข่ายใยประสาท โดยสมองจะทำหน้าที่ประสานกันในการควบคุมร่างกาย ให้ยืน เดิน กระโดด ได้ดีขึ้น การรับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 7 การประมวลข้อมูล และการตอบสนอง เป็นช่วงเริ่มต้นของการเลี้ยงลูกให้ฉลาดสมวัย และร่างกายที่เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที เด็กจะจดจำคำศัพท์ได้เยอะขึ้น เริ่มพูดคำ 2-3 คำได้ หยิบอาหารกินเองได้ เริ่มเห็นนิสัยที่ชัดเจนมากขึ้น เดินได้ด้วยตัวเอง
วัย 2 ปี
ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมพร้อมก่อนเข้าโรงเรียนและมีพฤติกรรมชอบทำตามเด็กวัยเดียวกัน เด็กสามารถจดจำใบหน้าและชื่อคนทั่วไปได้ดี เพิ่มจำนวนการจดจำชื่อของคนในครอบครัวและเพื่อนบ้านหรือเพื่อนเล่นได้ รวมถึงสามารถบอกชื่อตัวเอง กินข้าวเองได้ ทำกิจกรรมง่ายๆ ด้วยตัวเอง เช่น ร้องเพลง เต้นตามจังหวะเป็นท่าทางต่างๆ
วัย 3-4 ปี
สมองเพิ่มน้ำหนักเป็น 60% และจะพัฒนาสติปัญญาให้เพิ่มขึ้นด้านสิ่งแวดล้อม กิจกรรม การเรียนรู้คำศัพท์ ภาษา ความอยากรู้อยากเห็น และความคิดที่มีเหตุผลมากขึ้น จะเริ่มมีคำถามที่ซับซ้อนขึ้น คุณแม่สามารถเสริมทักษะต่างๆ ให้ลูกได้ในช่วงเวลานี้ เช่น มีกิจกรรมร่วมกันกับเจ้าตัวน้อย เล่นเกม เล่านิทานเสริมจินตนาการ โดยเครือข่ายใยประสาทก็ยังพัฒนาต่อในช่วงวัยนี้ เพราะจะช่วยให้ลูกสามารถคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง เล่าเรื่องต่างๆที่พบเจอด้วยตนเองหรือจำจากที่คุณแม่เล่าได้ดีขึ้น
วัย 5-6 ปี
ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สมองสั่งการให้เด็กๆ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นมากแล้ว สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แบบเด็กที่โตแล้ว มีการเรียนรู้ประสบการณ์ มีความจำ คิดคำนาณได้ เช่น การบวกเลขหลักเดียว สามารถอยู่ตามลำพังโดยไม่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลาได้ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ คุณแม่ควรพาลูกออกไปพบกับผู้คน ได้ท่องเที่ยวในโลกกว้างได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยเรื่องพัฒนาการสมอง พัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสังคม เป็นไปในทางที่ดี เพราะพัฒนาการด้านสมองและร่างกายมีความสัมพันธ์กัน คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กัน เด็กที่มีพัฒนาการที่ดี ก็จะช่วยให้สุขภาพจิตดีไปด้วย ทั้งนี้เป็นพัฒนาการโดยรวมตามช่วงอายุปกติของเด็กเล็ก อาจจะมีช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ หลังจากช่วงอายุนี้การสร้างเครือข่ายใยประสาทจะลดลงและส่วนที่ไม่ได้ใช้ก็จะถูกตัดแต่งให้หายไป เพราะฉะนั้นช่วงอายุ 0 – 6 ปี เป็นช่วงที่สำคัญในการพัฒนาสมองและร่างกายของลูก และสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด คืออาหารที่ถูกหลักโภชนาการของลูกน้อย
“นม” อาหารที่เหมาะสมและจำเป็นต่อลูกน้อย
หากคุณแม่อยากเลี้ยงลูกน้อยให้เป็นเด็กฉลาดเติบโตและแข็งแรงสมวัย อาหารคือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะวัยเริ่มต้น โดยเฉพาะช่วง 1-6 ขวบ เพราะจะส่งผลในระยะยาวโดยเฉพาะพัฒนาการสมอง อาหารที่คุณแม่เลือกจึงต้องมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองและร่างกายของลูกน้อย ถึงจะพัฒนาการของแต่ล่ะช่วงวัยที่แตกต่างกันแต่อาหารที่เหมาะสมและขาดไม่ได้คือ กรดอะมิโนและโอเมก้า 3,6 และ 9 ซึ่งมีอยู่ในนม เพราะ ‘นม’ ขึ้นชื่อว่าเป็น อาหารสำคัญที่สุดตั้งแต่แรกเกิด ในนมมีโปรตีนที่สำคัญมากต่อการพัฒนาร่างกายและสมองเด็ก รวมถึงสารอาหารที่สำคัญอย่าง ‘กรดอะมิโนจำเป็น’ หลังจากลูกน้อยหย่านมแม่แล้วต้องมั่นใจว่า นมที่เลือกมาให้ลูกน้อยทานต่อนั้นจะมีสารอาหารจำเป็นและมีกรดอะมิโนครบถ้วน นอกจากนี้ในนมยังมีสารอาหารที่สำคัญอื่นๆ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟระบุไว้ว่ามีผลต่อการเจริญเติบโต สร้างภูมิคุ้มกัน และพัฒนาการสมองให้เฉลียวฉลาดทางสติปัญญา (IQ) และโภชนาการที่ดีจะยังส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ด้วย ได้แก่ แคลเซียม วิตามินเอ สังกะสี วิตามินอี โปรแตสเซียม วิตามินซี แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินดี
โดยประโยชน์ของกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด (ไอโซลีน, ลูซีน, ไลซีน, เมไธโอนีน, เฟนิลอะลานีน, ธรีโอนีน, ทริฟโตเฟน, เวลีน, ฮิสติดีน) นั้นช่วยเสริมความจำ พัฒนาสมองเพิ่มพลังให้กล้ามเนื้อ และช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงเสริมสมาธิ เสริมสร้างการเจริญเติบโตและเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ ที่สำคัญ กรดอะมิโนฮิสติดีน ยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก และช่วยการทำงานของระบบประสาทและสมองในเด็กอีกด้วย โดยกรดอะมิโนทั้ง 9 ชนิดนี้ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องอาศัยจากการรับประทานอาหารต่างๆ และนมเท่านั้น นอกจากสารอาหาร 9 ชนิด เด็กในวัยเจริญเติบโต ยังต้องการสารอาหารพัฒนาสมองเพิ่มเติมคือ DHA ไอโอดีน วิตามินบี12 ธาตุเหล็ก และ โฟเลตอีกด้วย
เห็นไหมคะว่าสารอาหารสำคัญของลูกน้อยนั้น จำเป็นต่อการสร้างพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ ในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อยให้เติบโตสมวัย โดยเฉพาะการเลือก ‘นม’ ที่มีประโยชน์ และมีสารอาหารจำเป็นอย่างกรดอะมิโนครบถ้วน เพื่อให้สมองและร่างกายของลูกน้อยพัฒนาได้อย่างเต็มที่ และเติบโตเฉลียวฉลาดสมวัย